การขยายธุรกิจให้เติบโตในยุคปัจจุบัน จำเป็นต้องมีการนำสินค้าใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาด เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้สัมผัสสินค้าที่มีคุณภาพและหลากหลายยิ่งขึ้น อีกทั้งการนำเข้าสินค้ายังเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ธุรกิจหลายแห่งเลือกใช้ เพื่อเพิ่มตัวเลือกให้แก่ผู้บริโภค ทั้งยังเป็นการนำเสนอสินค้าที่มีความเฉพาะเจาะจงในตลาดเฉพาะกลุ่ม และแม้ว่าการทำธุรกิจนำเข้าอาจดูซับซ้อน แต่หากเข้าใจขั้นตอนการนำเข้าอย่างละเอียด ก็สามารถทำได้ไม่ยาก !
วิธีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ
1. วางแผนและวิจัยตลาด
ก่อนการนำเข้าสินค้า ควรเริ่มต้นด้วยการวางแผนอย่างรอบคอบและทำการวิจัยตลาดเพื่อให้เข้าใจถึงความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ทั้งในแง่ของความต้องการของผู้บริโภค คู่แข่งในตลาด และแนวโน้มของอุตสาหกรรม โดยควรพิจารณาร่วมกับรายละเอียดอื่น เช่น ต้นทุนการนำเข้า ภาษี และการขนส่งสินค้า เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ติดต่อผู้ผลิต หรือซัพพลายเออร์ เพื่อทำสัญญาซื้อขาย
เมื่อเลือกสินค้าที่ต้องการนำเข้าได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปในการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ คือการติดต่อโรงงานผู้ผลิต หรือซัพพลายเออร์ในต่างประเทศเพื่อทำสัญญาซื้อขาย โดยตรวจสอบความน่าเชื่อถือของซัพพลายเออร์และทำการพูดคุยเกี่ยวกับรายละเอียดของการจัดส่งสินค้า การชำระเงิน และเอกสารที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน ซึ่งผู้ประกอบการควรมีความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าสินค้า เพื่อทำสัญญาซื้อขายให้รัดกุม ทั้งยังเป็นการป้องกันการเสียเปรียบที่อาจเกิดจากความไม่รู้
3. ทำพิธีการศุลกากรขาออก
ก่อนที่สินค้าจะถูกส่งออกจากประเทศต้นทาง ซัพพลายเออร์ หรือตัวแทนขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (Freight Forwarder) จำเป็นต้องทำพิธีการศุลกากรขาออก เพื่อรับรองว่าการนำเข้าสินค้าเป็นไปอย่างถูกต้องและได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของประเทศต้นทางอย่างครบถ้วน โดยกระบวนการนี้จะรวมถึงการเตรียมเอกสาร เช่น ใบขนส่งสินค้าและเอกสารการขนส่งที่ต้องใช้เพื่อยื่นให้แก่เจ้าหน้าที่ศุลกากร
4. เตรียมเอกสารสำหรับการนำเข้า
ในปัจจุบันสามารถดำเนินการภายใต้ระบบการนำเข้าแบบอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ตโดยไม่ต้องยื่นเอกสารที่เป็นกระดาษ ซึ่งประกอบด้วย
ใบขนสินค้าขาเข้า
ใบตราส่งสินค้า
บัญชีราคาสินค้า
บัญชีรายละเอียดบรรจุหีบห่อ
ใบอนุญาต หรือหนังสืออนุญาตสำหรับสินค้าควบคุมการนำเข้า
ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (กรณีขอลดอัตราอากร)
เอกสารอื่น ๆ เช่น แค็ดตาล็อก เอกสารแสดงส่วนผสม
5. ตรวจสอบตามเงื่อนไขชำระภาษีอากรขาเข้า
เมื่อสินค้าถึงประเทศไทย จะต้องมีการตรวจสอบพิสูจน์สินค้าตามเงื่อนไขของกรมศุลกากรอย่างละเอียด ซึ่งแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
Green Line สินค้าที่ไม่ต้องตรวจสอบพิธีการ สามารถนำใบขนสินค้าขาเข้าไปชำระภาษีอากร และวางประกันที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับสินค้าได้ทันที โดยสามารถเลือกชำระได้ที่กรมศุลกากร ชำระผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือจะชำระที่ธนาคารก็ได้
Red Line สินค้าที่ต้องผ่านการตรวจสอบพิธีการก่อนชำระภาษี โดยจะต้องนำใบขนสินค้าไปติดต่อกับหน่วยงานประเมินอากรของท่าที่นำเข้าสินค้า
6. การตรวจสอบและการปล่อยสินค้า
หลังจากผ่านการตรวจสอบพิธีการแล้ว สินค้าจะถูกส่งไปยังคลังสินค้าเพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม เมื่อเอกสารครบถ้วนและถูกต้อง สินค้าจะได้รับการปล่อยออกจากอารักขาศุลกากร
7. การกระจายสินค้า
เมื่อสินค้าถูกปล่อยจากศุลกากรแล้ว ขั้นตอนสุดท้าย คือการกระจายสินค้าไปยังลูกค้า หรือคู่ค้าในประเทศ โดยการจัดส่งจะขึ้นอยู่กับข้อตกลง ซึ่งควรเลือกบริษัทจัดส่งที่มีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าจะถึงปลายทางในสภาพสมบูรณ์
ของต้องห้ามนำเข้า
ประเทศไทยมีกฎหมายควบคุมการนำเข้าสินค้าหลายประเภท เพื่อป้องกันอันตรายต่อสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงของประเทศ ตัวอย่างสินค้าที่ห้ามนำเข้า ได้แก่
สินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์ โดยการทำซ้ำ ดัดแปลง ลอกเลียนแบบเครื่องหมายการค้า หรือละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา จากงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้อื่น เช่น แบรนด์ปลอม
สินค้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น อาหารและยาที่ไม่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือเครื่องสำอางและเครื่องใช้ที่มีสารเคมีอันตราย
สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ เช่น สื่อลามกอนาจารที่ขัดต่อศีลธรรม สินค้าที่ใช้เป็นเครื่องมือในกิจกรรมผิดกฎหมาย
สินค้าที่ขัดต่อความมั่นคงของประเทศ เช่น สิ่งพิมพ์ หรือสื่อที่มีเนื้อหาหมิ่นประมาทและสร้างความไม่สงบ
ดังนั้น ก่อนนำเข้าสินค้าใด ๆ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าสินค้าเหล่านั้นได้รับอนุญาตให้เข้ามาในประเทศเรียบร้อยแล้ว
การคำนวณภาษีนำเข้า
การนำเข้าสินค้าไม่เพียงแต่ต้องตรวจสอบเอกสารและพิธีการศุลกากรเท่านั้น แต่ยังต้องมีการคำนวณภาษีที่ต้องชำระใน
การนำเข้าด้วย เพื่อนำมาพิจารณาประกอบกับการตั้งราคาสินค้า โดยหลักการคำนวณภาษีจะประกอบด้วย
อากรขาเข้า คำนวณจากมูลค่ารวม CIF (Cost, Insurance, Freight) ของสินค้า คูณ (X) กับอัตราอากรขาเข้า ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้า (5%, 10%, 20% หรือ 30%)
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) คำนวณจาก (มูลค่ารวม CIF + อากรขาเข้า) คูณ (X) กับอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มปัจจุบัน
มูลค่ารวมภาษีขาเข้าที่ต้องชำระ รวมอากรขาเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อคำนวณภาษีทั้งหมดที่ต้องชำระ
จะเห็นได้ว่าขั้นตอนการนำเข้าสินค้าค่อนข้างมีความซับซ้อน ซึ่งต้องอาศัยความเชี่ยวชาญอย่างมาก ขอแนะนำ Ezy Express บริษัทนำเข้าสินค้าที่ให้บริการส่งพัสดุไปต่างประเทศครบวงจร เราพร้อมดูแลตั้งแต่เริ่มต้น ทั้งในด้านเอกสารและการให้คำปรึกษา เพื่อส่งมอบสินค้าให้ถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัยได้ทั่วโลก ในราคามิตรภาพ ให้บริการโดยทีมงานที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 25 ปี
หากสนใจบริการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ หรือต้องการส่งของกลับไทย สามารถคำนวณค่าขนส่งกลับไทยด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ ที่หน้าเว็บไซต์ของเรา หรือปรึกษาเจ้าหน้าที่เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมผ่านสายด่วน Ezy Express ได้ที่เบอร์ 061-398-3300 หรือ LINE Official @ezyexpress
ข้อมูลอ้างอิง
การค้าระหว่างประเทศ - การนำเข้า (IMPORT). สืบค้นเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2567 จาก https://bizportal.go.th/th/Home/Article/24
Comments